อาหารไทยโบราณที่ชื่อว่า 'ไก่ใต้น้ํา' เป็นอาหารที่หารับประทานได้ยากในปัจจุบัน แต่ยังคงเป็นที่จดจําในเรื่องของรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และกรรมวิธีการทําที่พิถีพิถัน โดยหัวใจสําคัญของ 'ไก่ใต้น้ํา' อยู่ที่การใช้หม้อดินเผาในการปรุงอาหาร และที่สําคัญคือ 'ไม่เติมน้ํา' ลงไปในหม้อเลย ความพิเศษของการทํา 'ไก่ใต้น้ํา' อยู่ที่การใช้ไก่บ้าน (ไก่พันธุ์พื้นเมือง) ที่มีเนื้อแน่นและรสชาติเข้มข้นกว่าไก่เนื้อทั่วไป โดยนําไก่มาสับเป็นชิ้นพอดีคํา คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงและสมุนไพรต่างๆ ที่เป็นส่วนผสมสําคัญในการสร้างรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของ 'ไก่ใต้น้ํา' เครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้เลยคือ พริกแห้ง หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด และที่สําคัญคือ รากผักชี ซึ่งเป็นเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มความหอมให้กับ 'ไก่ใต้น้ํา' เมื่อคลุกเคล้าเครื่องปรุงกับไก่จนเข้าเนื้อแล้ว นําส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในหม้อดินเผา โดยเรียงชิ้นไก่ให้เป็นระเบียบ ปิดฝาหม้อให้สนิท จากนั้นนําหม้อไปตั้งบนเตาถ่าน ใช้ไฟอ่อนๆ ในการเคี่ยว 'ไก่ใต้น้ํา' อย่างใจเย็น ความร้อนจากเตาถ่านจะค่อยๆ ทําให้ไก่คายน้ําออกมา น้ําที่ออกมาจากตัวไก่จะค่อยๆ เดือดและระเหย ทําให้เครื่องปรุงและสมุนไพรต่างๆ ซึมเข้าไปในเนื้อไก่ ทําให้ไก่มีรสชาติเข้มข้นและหอมหวานเป็นพิเศษ ระยะเวลาในการเคี่ยว 'ไก่ใต้น้ํา' จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดของไก่และระดับความร้อนของเตาถ่าน ในระหว่างการเคี่ยว ต้องคอยสังเกตและควบคุมไฟให้สม่ําเสมอ เพื่อไม่ให้ 'ไก่ใต้น้ํา' ไหม้ติดก้นหม้อ เมื่อ 'ไก่ใต้น้ํา' สุกได้ที่ เนื้อไก่จะนุ่มและมีสีเหลืองทองสวยงาม น้ําซุปที่อยู่ในหม้อจะมีสีเข้มข้นและมีกลิ่นหอมของเครื่องปรุงและสมุนไพรต่างๆ สิ่งที่ทําให้ 'ไก่ใต้น้ํา' มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และแตกต่างจากอาหารประเภทอื่นๆ คือ กรรมวิธีการปรุงที่ไม่เติมน้ํา ทําให้รสชาติของเครื่องปรุงและสมุนไพรต่างๆ เข้มข้นและซึมเข้าไปในเนื้อไก่ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การใช้หม้อดินเผาในการปรุงอาหารยังช่วยเพิ่มความหอมให้กับ 'ไก่ใต้น้ํา' อีกด้วย ปัจจุบัน 'ไก่ใต้น้ํา' เป็นอาหารที่หารับประทานได้ยาก เนื่องจากกรรมวิธีการทําที่ยุ่งยากและต้องใช้ความพิถีพิถัน แต่ถ้าใครได้มีโอกาสลิ้มลอง 'ไก่ใต้น้ํา' สักครั้ง รับรองว่าจะต้องติดใจในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่น่าจดจําอย่างแน่นอน