สังขยาฟักทอง
สังขยาฟักทอง ขนมไทยโบราณที่ผสมผสานความอร่อยของเนื้อฟักทองนุ่มละมุนลิ้น เข้ากับความหอมหวานของสังขยาที่ทําจากกะทิและน้ําตาลมะพร้าวอย่างลงตัว เป็นขนมที่แสดงถึงความประณีตในการทําอาหารไทย

สังขยาฟักทองเป็นขนมไทยที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ด้วยรสชาติที่หวานละมุน หอมกลิ่นกะทิและน้ําตาลมะพร้าว ผสานเข้ากับเนื้อฟักทองที่นุ่มละลายในปาก ทําให้ขนมชนิดนี้เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกเพศทุกวัย
ความพิเศษของสังขยาฟักทองไม่ได้อยู่ที่รสชาติอร่อยเพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่กรรมวิธีการทําที่พิถีพิถัน เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกฟักทองที่มีเนื้อแน่น รสชาติหวานมัน จากนั้นนํามาแกะสลักลวดลายอย่างประณีตบรรจง ให้เป็นรูปทรงต่างๆ ที่สวยงาม เช่น รูปดอกไม้ ใบไม้ หรือลวดลายไทยอื่นๆ ซึ่งต้องอาศัยความชํานาญและประสบการณ์ในการแกะสลัก
ในส่วนของสังขยานั้น จะต้องใช้กะทิสดคั้นใหม่ๆ น้ําตาลมะพร้าวอย่างดี และไข่ไก่สด นํามาผสมรวมกันในอัตราส่วนที่เหมาะสม แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อให้ได้เนื้อสังขยาที่เนียนละเอียด จากนั้นนําไปใส่ในลูกฟักทองที่แกะสลักไว้ แล้วนําไปนึ่งด้วยไฟอ่อนๆ จนสังขยาเซ็ตตัวและมีสีเหลืองทองสวยงาม
เมื่อสังขยาฟักทองสุกแล้ว จะมีกลิ่นหอมหวานของกะทิและน้ําตาลมะพร้าวอบอวลไปทั่ว ทําให้รู้สึกอยากลิ้มลองรสชาติ เมื่อตักชิมจะสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนลิ้นของเนื้อฟักทองที่เข้ากันได้ดีกับรสชาติหวานมันของสังขยา เป็นความอร่อยที่ยากจะลืมเลือน
นอกจากรสชาติที่อร่อยแล้ว สังขยาฟักทองยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย ฟักทองเป็นแหล่งของวิตามินเอ ซึ่งมีส่วนช่วยในการบํารุงสายตา และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย ส่วนกะทิและน้ําตาลมะพร้าวก็ให้พลังงานแก่ร่างกาย ทําให้ขนมชนิดนี้เป็นอาหารว่างที่อร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ในปัจจุบัน สังขยาฟักทองหาทานได้ยากขึ้น เนื่องจากกรรมวิธีการทําที่ยุ่งยากและต้องใช้ความประณีตในการทํา แต่ก็ยังมีร้านขนมไทยบางร้านที่ยังคงทําสังขยาฟักทองตามสูตรโบราณ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ลิ้มลองรสชาติของขนมไทยที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ