ต้มเลือดหมูผักเคล
ผักเคลมีหลายสายพันธุ์ที่นิยมในไทยคือเคลใบหยิกและเคลใบตรง เคลใบหยิกมีขอบใบหยิก รสขม นิยมทําสลัดและสมูทตี้ ส่วนเคลใบตรงมีใบสีเขียวเข้ม รสหวาน นิยมกินเป็นสลัด

ผักตระกูลเคลมีความหลากหลายของสายพันธุ์อย่างมาก และเป็นผักตระกูลเดียวกับผักที่คุ้นเคยกันดี เช่น กะหล่ําปลี วอเตอร์เครส บร็อกโคลี่ กะหล่ําม่วง และดอกกะหล่ํา ทําให้เคลเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและสามารถนํามาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู
ในประเทศไทย มีเคล 2 สายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เนื่องจากปลูกง่ายและหาซื้อได้ไม่ยาก ได้แก่ เคลใบหยิก (Curly Kale) ซึ่งมีลักษณะเด่นคือขอบใบที่หยิกงออย่างชัดเจน ลําต้นมีความแข็งแรง และมีรสชาติคล้ายกับกะหล่ําปลี แต่มีความขมเล็กน้อย ทําให้เคลใบหยิกเป็นที่นิยมในการนํามากินสดเป็นสลัด หรือนําไปปั่นเป็นส่วนผสมในสมูทตี้และน้ําผักเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร
อีกสายพันธุ์หนึ่งคือ เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เคลไดโนเสาร์ มีลักษณะใบสีเขียวเข้ม กว้างประมาณ 2-3 นิ้ว ใบมีลักษณะตรงแต่มีรอยย่นเป็นเอกลักษณ์ รสชาติของเคลใบตรงจะออกหวานกว่าเคลใบหยิก ทําให้เป็นที่นิยมในการนํามากินเป็นสลัด โดยสามารถนํามาผสมกับน้ําสลัดต่างๆ หรือนําไปผัดหรืออบเพื่อเพิ่มรสชาติและความหลากหลายในการรับประทาน
ความนิยมของเคลในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพและมองหาผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เคลเป็นผักที่มีวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค แคลเซียม และธาตุเหล็ก นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย ทําให้เคลเป็นผักที่เหมาะสําหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและป้องกันโรคต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นเคลใบหยิกหรือเคลใบตรง การนําเคลมาประกอบอาหารก็สามารถทําได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการกินสดในสลัด การนําไปปั่นเป็นสมูทตี้ การผัด การอบ หรือการนําไปใส่ในซุปและสตูว์ ทําให้เคลเป็นผักที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบและเหมาะกับทุกเมนู