กระทงทองเป็นอาหารว่างไทยโบราณที่นับวันจะยิ่งหาทานยากตามร้านอาหาร เนื่องจากกรรมวิธีการทําที่ต้องใช้ความละเอียดในการทอดกระทงทีละชิ้นเพื่อให้ได้รูปทรงสวยงามและกรอบอร่อย การทอดทิ้งไว้นานอาจทําให้ความอร่อยลดลง กระทงทองจึงเป็นอาหารที่นิยมทํารับประทานเองในครอบครัว หรือทําเพื่อแจกจ่ายให้กับเพื่อนสนิทมิตรสหายมากกว่าที่จะหารับประทานได้ทั่วไป เสน่ห์ของกระทงทองอยู่ที่ตัวกระทงซึ่งทําจากแป้งที่ต้องผสมในอัตราส่วนที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ความกรอบบาง ไม่อมน้ํามัน และมีสีเหลืองทองสวยงาม การทอดต้องใช้ความชํานาญเพื่อให้กระทงคงรูปทรงและไม่แตกหัก เมื่อได้กระทงทองที่สมบูรณ์แบบแล้ว ไส้กระทงทองก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบของผู้รับประทาน ไส้กระทงทองมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละแบบก็มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตัวอย่างเช่น * **ไส้ยําส้มโอ:** เป็นไส้ที่ให้รสชาติเปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ดเล็กน้อยจากพริกขี้หนูซอย ผสมผสานกับความกรุบกรอบของส้มโอและถั่วลิสงคั่ว * **ไส้เมี่ยงลาว:** เป็นไส้ที่ให้รสชาติซับซ้อนจากสมุนไพรนานาชนิด เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง พริกขี้หนู ผสมผสานกับความเค็มจากน้ําปลาและความเปรี้ยวจากมะนาว * **ไส้ปู:** เป็นไส้ที่ให้รสชาติหวานจากเนื้อปู ผสมผสานกับความหอมของเครื่องเทศและสมุนไพรต่างๆ เป็นไส้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก * **ไส้ซอสขาว:** เป็นไส้ที่ให้รสชาติครีมมี่ หอมเนยและนม ผสมผสานกับเนื้อสัตว์และผักต่างๆ เป็นไส้ที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารตะวันตก นอกจากไส้ที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีไส้กระทงทองอีกมากมายที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความคิดสร้างสรรค์ของผู้ทํา เช่น ไส้ข้าวผัด ไส้ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ไส้กุ้งผัดพริกขี้หนู เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นไส้แบบไหน สิ่งสําคัญที่สุดคือการเลือกใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และมีคุณภาพดี เพื่อให้ได้กระทงทองที่มีรสชาติอร่อยและถูกปากผู้รับประทาน