เผือกกวนเป็นขนมไทยโบราณที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยก่อน ทําจากเผือกหอมซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เผือกมีรสชาติหวานมันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อนํามาทําเป็นขนมเผือกกวนจะได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม เนื้อสัมผัสเนียนนุ่มละมุนลิ้น การทําเผือกกวนเริ่มต้นด้วยการนําเผือกหอมมาปอกเปลือกแล้วนึ่งให้สุกจนนิ่ม จากนั้นนําไปบดให้ละเอียดเพื่อให้เนื้อเผือกเนียน เวลาเคี่ยวกวนจะได้เนื้อขนมที่เนียนสวยงาม ขั้นตอนต่อมาคือการเตรียมกะทิสด ซึ่งเป็นส่วนประกอบสําคัญที่ช่วยเพิ่มความหอมมันให้กับขนม กะทิสดจะต้องคั้นจากมะพร้าวขูดขาวใหม่ๆ เพื่อให้ได้กะทิที่มีคุณภาพดี เมื่อเตรียมเผือกบดและกะทิสดพร้อมแล้ว ก็นําทั้งสองอย่างมาผสมรวมกันในกระทะทองเหลือง เติมน้ําตาลทรายและเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติหวานเค็มกลมกล่อม จากนั้นนําไปตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวไปเรื่อยๆ พร้อมกับคนอย่างสม่ําเสมอ เพื่อไม่ให้ขนมติดกระทะและไหม้ การเคี่ยวจะต้องใช้ความใจเย็นและความชํานาญ เนื่องจากต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าที่เนื้อขนมจะเริ่มจับตัวกันและมีลักษณะเหนียวข้น ระหว่างที่เคี่ยวขนมอยู่นั้น สามารถแต่งสีขนมให้สวยงามน่ารับประทานได้ด้วยการเติมน้ําอัญชัน น้ําอัญชันจะช่วยให้ขนมมีสีม่วงอ่อนๆ อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถเติมกลิ่นหอมของใบเตยเพื่อเพิ่มความหอมให้กับขนมได้อีกด้วย เมื่อขนมเริ่มมีลักษณะเหนียวข้นและจับตัวกันเป็นก้อน ให้ลดไฟลงอีกเล็กน้อยแล้วเคี่ยวต่อไปจนกว่าเนื้อขนมจะแห้งและเนียนได้ที่ สังเกตได้จากเนื้อขนมจะร่อนออกจากกระทะและไม่ติดกระทะ เมื่อได้ที่แล้วยกลงจากเตา พักทิ้งไว้ให้เย็นลงเล็กน้อยก่อนนําไปจัดเสิร์ฟ ขนมเผือกกวนสามารถรับประทานได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น แต่โดยส่วนใหญ่นิยมรับประทานแบบเย็นมากกว่า เนื่องจากเนื้อขนมจะเซ็ตตัวและมีรสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น สามารถนําไปแช่เย็นในตู้เย็นก่อนรับประทานก็ได้ นอกจากรับประทานเป็นขนมหวานแล้ว เผือกกวนยังสามารถนําไปใช้เป็นส่วนประกอบของขนมไทยชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น ใช้เป็นไส้ของขนมใส่ไส้ หรือใช้เป็นส่วนผสมของขนมชั้น เป็นต้น