บูลโกกิ (Bulgogi) เป็นหนึ่งในอาหารเกาหลีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม หอมหวาน และเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้น ทําให้บูลโกกิกลายเป็นเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คน บูลโกกิมีต้นกําเนิดมาจากอาหารที่ปรุงโดยชาวชนชั้นสูงในสมัยราชวงศ์โชซอน โดยมีการนําเนื้อวัวส่วนต่างๆ มาหมักกับซอสปรุงรสสูตรพิเศษ ก่อนจะนําไปย่างหรือผัดให้สุก ปัจจุบัน บูลโกกิได้รับการปรับปรุงและพัฒนาสูตรให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เข้ากับความชื่นชอบและวัตถุดิบที่มีอยู่ในแต่ละท้องถิ่น หัวใจสําคัญของบูลโกกิอยู่ที่การหมักเนื้อ โดยซอสหมักบูลโกกิส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมหลัก ๆ ได้แก่ ซีอิ๊วเกาหลี น้ําตาลทราย น้ํามันงา กระเทียมสับ และพริกไทยดํา นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ เพื่อแต่งกลิ่นและเพิ่มรสชาติได้ตามชอบ เช่น ขิงบด ลูกแพรบด หรือไวน์ข้าว เพื่อช่วยให้เนื้อนุ่มและมีรสชาติที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น การหมักเนื้อควรใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที หรือนานถึง 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้เนื้อดูดซึมรสชาติของซอสได้อย่างเต็มที่ เนื้อที่นิยมนํามาทําบูลโกกิคือเนื้อวัวส่วนสันนอกหรือสันใน เพราะเป็นส่วนที่มีไขมันแทรกในปริมาณที่พอเหมาะ ทําให้เนื้อมีความนุ่ม ชุ่มฉ่ํา และมีรสชาติที่เข้มข้น แต่ก็สามารถใช้เนื้อส่วนอื่นๆ ได้ตามความชอบ เช่น เนื้อติดซี่โครง หรือเนื้อสะโพก การหั่นเนื้อก็มีความสําคัญเช่นกัน ควรหั่นเนื้อให้มีความหนาประมาณ 2-3 มิลลิเมตร เพื่อให้เนื้อสุกง่ายและมีผิวสัมผัสที่นุ่มลิ้น การปรุงบูลโกกิสามารถทําได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการย่างบนเตาถ่าน การผัดในกระทะ หรือการอบในเตาอบ แต่ละวิธีก็ให้รสชาติและกลิ่นหอมที่แตกต่างกันไป การย่างบนเตาถ่านจะทําให้บูลโกกิมีกลิ่นหอมของควันไฟอ่อน ๆ ส่วนการผัดในกระทะจะช่วยให้เนื้อสุกเร็วและทั่วถึง และการอบในเตาอบจะช่วยให้เนื้อมีความนุ่มและชุ่มฉ่ํา เมื่อบูลโกกิสุกได้ที่แล้ว สามารถนํามาเสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงต่างๆ เช่น ข้าวสวย ผักกาดแก้ว กระเทียมสด พริกสด และซอสซัมจัง นอกจากนี้ ยังสามารถนําบูลโกกิมาทําเป็นเมนูอื่นๆ ได้อีกมากมาย เช่น บูลโกกิหม้อไฟ บูลโกกิเบอร์เกอร์ หรือบูลโกกิข้าวผัด เพื่อเพิ่มความหลากหลายและสร้างสรรค์ในการรับประทาน