กราโนลา
กราโนลาเป็นเมนูธัญพืชที่อร่อยและมีประโยชน์ สามารถรับประทานเป็นอาหารว่างหรือทานคู่กับโยเกิร์ตและนมสด ช่วยให้อิ่มท้องได้นาน อุดมไปด้วยธัญพืชหลากหลายชนิด ผลไม้อบแห้ง และรสชาติหวานหอมจากเนยสดและน้ําผึ้ง

กราโนลาเป็นอาหารเช้าหรือของว่างที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีรสชาติอร่อย ทําง่าย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย กราโนลาทําจากธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวโอ๊ต ถั่ว เมล็ดพืช และผลไม้อบแห้ง นํามาอบรวมกันกับน้ําผึ้งหรือน้ําเชื่อมเพื่อให้มีรสชาติหวานและกรุบกรอบ
**ประโยชน์ของกราโนลา**
* **อุดมไปด้วยไฟเบอร์:** กราโนลาเป็นแหล่งของไฟเบอร์ที่ดี ซึ่งช่วยในการขับถ่าย ลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมระดับน้ําตาลในเลือด
* **มีโปรตีน:** กราโนลาหลายชนิดมีโปรตีนจากถั่วและเมล็ดพืช ซึ่งจําเป็นต่อการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
* **มีไขมันดี:** กราโนลาประกอบด้วยไขมันดีจากถั่วและเมล็ดพืช ซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ
* **มีวิตามินและแร่ธาตุ:** กราโนลาเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น เหล็ก แมกนีเซียม และสังกะสี
* **ให้พลังงาน:** กราโนลาให้พลังงานที่จําเป็นต่อร่างกาย ทําให้รู้สึกอิ่มและมีแรงทํากิจกรรมต่างๆ
**ส่วนประกอบหลักของกราโนลา**
* **ข้าวโอ๊ต:** เป็นธัญพืชหลักที่ให้ไฟเบอร์สูง
* **ถั่วและเมล็ดพืช:** เช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ให้โปรตีนและไขมันดี
* **ผลไม้อบแห้ง:** เช่น ลูกเกด แครนเบอร์รี่ กล้วย ให้ความหวานและวิตามิน
* **น้ําผึ้งหรือน้ําเชื่อม:** ให้รสชาติหวานและช่วยให้ส่วนผสมเกาะตัวกัน
* **น้ํามัน:** ช่วยให้กราโนลามีความกรอบและมีกลิ่นหอม
**วิธีการรับประทานกราโนลา**
* **ทานเป็นอาหารเช้า:** ผสมกราโนลากับนม โยเกิร์ต หรือผลไม้สด
* **ทานเป็นของว่าง:** ทานกราโนลาเปล่าๆ หรือผสมกับถั่วและผลไม้อบแห้งอื่นๆ
* **โรยบนขนม:** โรยกราโนลาบนไอศกรีม เค้ก หรือพุดดิ้ง
* **ใช้ทําขนมอบ:** เติมกราโนลาในคุกกี้ มัฟฟิน หรือบาร์ธัญพืช
กราโนลาเป็นอาหารที่หลากหลายและมีประโยชน์ สามารถปรับเปลี่ยนส่วนผสมได้ตามความชอบและความต้องการ ทําให้เป็นอาหารที่เหมาะสําหรับทุกคนในครอบครัว